คอมพิวเตอร์ในอนาคต
เทคโนโลยีในปัจจุบันได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีการพัฒนาศักยภาพประสิทธิภาพความสะดวกสบาย ความรวดเร็วปลอดภัยเพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียวโดยเฉพาะในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช่ในองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมากขึ้น
ทั้งนี้เพราะการเติบโตของเทคโนโลยีและการแข่งขันกันสูงจึงทำให้ในองค์กรต่างๆต้องมีการพัฒนาองค์กรให้เป็นในแบบดิจิตอลหรืออิเลกทรอนิกยิ่งขึ้นเพราะการนำเทคโนโลยีมาใช้ปฏิบัติงานภารกิจต่างๆในองค์กรนั้นสามารถสร้างศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีเพราะการนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กรสามารถทำให้การทำงาน
การประมวลผลข้อมูลมีความถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดั่ง เช่น เอชพีแสกนเจชที่สามารถแปลเอกสารเป็นดิจิตอลไฟล์ได้
นับเป็นก้าวที่พัฒนาขององค์กรเป็นอย่างมากที่ไม่ต้องเสียเวลาแปลงข้อมูลเอกสารโดยตนเองซึ่งเป็นทั้งการประหยัดแรงงานและเวลาที่สำคัญยังได้ข้อมูลที่แม่นยำด้วยจึงสามารถมองไปถึงอนาคตได้ว่าเทคโนโลยีกับองค์กรจะมีความสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้นอย่างแยกไม่ออก
องค์กรต้องพึ่งพิงเทคโนโลยีมากขึ้นแต่ในทางกลับกันถ้าเทคโนโลยียังมีการพัฒนาไม่หยุดหย่อนประชากรพนักงานก็ต้องว่างงานมากขึ้นเพราะอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งกำลังคนต่อไปซึ่งส่วนนี้ก็อาจเป็นอุปสรรคในการนำเทคโนโลยีเข้ามาในองค์กรเช่นกัน
แต่ในทางกลับกันอีกในอนาคตพนักงานอาจไม่ต้องมาทำงานถึงบริษัท
แค่นั่งเปิดเครือข่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่บ้านด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวก็อาจเป็นสิ่งสะดวกในการไม่ต้องเดินทางซึ่งเป็นการเอาร์ซอทงานออกไปจากบริษัทเพื่อความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นในอนาคตอาจจะได้เห็นการพัฒนาขององค์กรภาครัฐไปสู่ความเป็นยุคไฮเทคมากยิ่งขึ้นและในเทคโนโลยีด้านต่างๆที่นอกเหนือจากในองค์กรแล้วเทคโนโลยีที่ใกล้ตัวเราเช่นหน้าจอการแสดงผลที่เราเคยพบเจอในแบบlcdบางๆแต่มันได้มีการพัฒนามาสู่หน้าจอแบบม้วนพับได้ หรือโอแอลอีดี
ซึ่งในอนาคตข้างหน้าเราอาจได้จำเป็นต้องใช้มัน เราเห็นการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากเพราะในสัปดาห์ที่แล้วทางเราก็ได้เพิ่งนำเสนอจอlcdที่เป็นทีวีรุ่นใหม่แต่ผ่านไปเพียงสัปดาห์เดียวก็ได้เห็นพัฒนาการที่จะเกิดเป็นแบบม้วนพับได้
พกพาสะดวกสบายอย่างโอแอลอีดี จึงเป็นไปได้ว่า
ในอนาคตคงน่าทึ่งกว่านี้อาจจะเป็นหน้าจอล่องหนไปเลยก็ได้ในเมื่อการพัฒนาในสิ่งที่เป็นhardware ได้พัฒนาไปไม่มีที่สิ้นสุดการพัฒนาsoft ware ก็ได้พัฒนาไปเรื่อยๆเช่นกัน
เพื่อการทำงานที่ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น ดังเช่นการพัฒนาของกูเกิ้ลที่จะมีการพัฒนาระบบเป็นแบบoffline ขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันต้องการที่จะให้เข้าถึงประชาขนได้ง่ายยิ่งขึ้น
และเป็นธุรกิจสำคัญที่ต้องมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อความนิยมใช้งานง่ายสะดวกสบายต่อประชาชนทุกภาคส่วนในอนาคตเราจึงอาจได้เห็นสิ่งที่เรียกว่ากูเกิ้ลเกียสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะมันสามารถทำให้เราสืบค้นข้อมูลต่างๆได้ง่ายรวดเร็วยิ่งขึ้นไป
และอาจจะเห็นการพัฒนาซอฟแวร์ต่างๆขึ้นมาอย่างต่อเนื่องด้วย และที่สำคัญพวกhardware ก็จำเป็นต้องมีการพัฒนาเพื่อรองรับsoft wareที่จะเกิดขึ้นด้วย
ทุกส่วนจึงย่อมมีความสัมพันธ์กัน
คลื่นลูกใหม่เทคโนโลยีจอแสดงผล
อีกไม่นานเทคโนโลยีจอแสดงผลอาจเปลี่ยนรูปโฉมไปอีกขั้นโดยมีการพัฒนาให้มีขนาดบางลง
ถึงขนาดว่าสามารถม้วนพับเก็บไว้ได้
ขณะที่ใช้พลังงานน้อยลงและมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวนานขึ้นมาทดแทน
เทคโนโลยีจอแสดงผลแบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอย่างจอแสดงผลแอลซีดีที่ยังมีข้อเสียตรงที่ใช้พลังงานมาก
เทคโนโลยีที่จะเข้ามาทดแทนแอลซีดีในวันข้างหน้า ยกตัวอย่างเช่น
อุปกรณ์แสดงผลฟิล์มบางอินทรีย์เปล่งแสง หรือ โอแอลอีดี (OLED:
Organic light-emitting diode) และเทคโนโลยีที่เรียกว่าไบ-สเตเบิล
ซึ่งเแม้แต่ในปัจจุบันก็มีออกมาให้เห็นบ้างแล้วทั้งในเครื่องเล่นเกมเครื่องเล่นสื่อดิจิตอลเพื่อความบันเทิงเครื่องเล่นเพลงดิจิตอล
และโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะหรือสมาร์ทโฟน
ข้อดีของจอแสดงผลแบบโอแอลอีดีคือ
ใช้พลังงานน้อยกว่าจอแบบแอลซีดีในขนาดเท่าๆ กันสูงถึง 40%
ทั้งยังบางกว่าเป็นเท่าตัว เนื่องจากไม่ต้องอาศัยการส่องแสงออกมาจากหลังภาพ
ทั้งยังให้ภาพที่คมชัดกว่า ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ทดลองใช้เทคโนโลยีดังกล่าวแล้ว เช่น
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาขนาดเล็กอย่างเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์
และไรน์คอม รวมถึงโทรศัพท์มือถือรุ่นบางจากเคียวเซร่า นอกจากนี้ทางโซนี่
คอร์ปอเรชั่นเองยังมีแผนจะทำตลาดจอทีวีขนาดเล็กที่ใช้เทคโนโลยีโอแอลอีดีภายในปีนี้ด้วยแม้ในวงการสื่อสารไร้สายเทคโนโลยีโอแอลอีดีจะยังเพิ่งเริ่มแต่ในการพัฒนาจอแสดงผลรุ่นดังกล่าวเพื่อทำตลาดมีปรากฏให้เห็นบ้างในกลุ่มผู้ผลิตจอแสดงผล
แบบแอลซีดี ทั้งซัมซุง เอสดีไอ และโซนี่
จากการประเมินของบริษัทวิจัยด้านการตลาดไอซัพพลายตลาดสำหรับจอแสดงผลแบบโอแอลอีดีและแอลซีดีที่ใช้พลังงานน้อยมีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วโดยคาดว่าจนถึง
ปีพ.ศ. 2555 อาจมียอดขายมากถึง 24,000
ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 27%
เทียบกับยอดขายในปีนี้ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 6,000
ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากเทคโนโลยีโอแอลอีดีแล้วยังมีเทคโนโลยีจอแสดงผลที่เรียกว่า
ไบ-สเตเบิล ซึ่งรักษาสถานะการแสดงผลภาพไว้ได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานทำให้เหมาะต่อการใช้
เป็นจอแสดงผลในสถานที่สาธารณะและจอแสดงผลย่อยบนอุปกรณ์ต่างๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังต้องพัฒนาในด้านของคุณภาพภาพที่ยังไม่ละเอียดมากนัก ก่อนรายงานข่าวแจ้งว่า
นักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถอ่านใจมนุษย์ได้
โดยวิเคราะห์จากการแสดงสีหน้า
และสามารถแปลความหมายของความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้นโครงการวิจัยดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเคมบริดร์ประเทศอังกฤษและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาจูเซท
ประเทศสหรัฐ โดยศาสตราจารย์ปีเตอร์ โรบินสันจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในประเทศอังกฤษกล่าวว่า “ระบบดังกล่าวมีความสามารถในการแยกแยะความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์ขณะนั้นได้
เพียงแค่หันวิดีโอไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง
(ระบบคอมพิวเตอร์ก็สามารถรับทราบถึงอารมณ์ความรู้สึกขณะนั้นของคนนั้นแล้ว)”นักพัฒนายังเชื่อว่า เทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในวงการโฆษณา
โดยบริษัทต่างๆ สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ เพื่อแปลความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของผู้บริโภคเพื่อปรับโฆษณาของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภค
“ลองนึกภาพคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่สามารถเลือกใช้อารมณ์ในการนำเสนอที่เหมาะสม
และพยายามจะขายบางสิ่งบางอย่างกับคุณ ซึ่งในอนาคต โทรศัพท์มือถือ รถยนต์
ตลอดจนเว็บไซต์สามารถอ่านใจ และตอบสนองอารมณ์ และความรู้สึกของผู้บริโภคได้” ศาสตราจารย์ โรบินสัน กล่าวนอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังให้ความสนใจเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในการเรียนการสอนผ่านออนไลน์โดยเมื่อนำไปใช้กับเว็บแคมระบบอีเลิร์นนิ่งจะตัดสินใจได้ว่าผู้เรียนมีความเข้าใจในบทเรียนหรือไม่ได้อีกด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการวิจัย
เพื่อนำไปใช้ในรถยนต์ ซึ่งจะทำให้มันสามารถตัดสินใจได้ว่า ผู้ขับมีความระมัดระวัง
และตื่นตัวอยู่ตลอดในระหว่างการขับขี่ หรือไม่? โดยคาดว่าจะออกมาให้ทั่วโลกยลโฉมภายในอีก
5 ปีข้างหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น